ปัญหาในช่องปากอาจเป็นปัญหาที่ทั่วไปที่สามารถพบได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นฟันผุ หินปูนหรือกลิ่นปาก แต่อีกอาการที่ต้องเป็นกังวลหากตรวจพบคือ “เชื้อราในปาก” ที่เป็นอาการที่มักเกิดขึ้นกลุ่มของเด็กทารกและผู้สูงอายุ และเป็นอันตรายมากกว่าที่คิดหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แล้วอาการและสาเหตุของโรคเชื้อราในปากเกิดจากอะไร แล้วจะรักษาได้อย่างไรบ้าง หาคำตอบได้ที่นี้
โรคเชื้อราในปากเกิดจากอะไร
เกิดจากการติดเชื้อรา Candida albicans วึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีอยู่ในบริเวณผิวหนังในร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็น ปาก คอ ลิ้น และเยื่อบุตรงกระพุ้งแก้ม รวมถึงบริเวณอื่นๆ ภายในปาก มีลักษณะเป็นฝ้าขาวๆ โดยเริ่มแรกจะไม่มีความอันตรายมานัก แต่ถ้าปล่อยไว้นานอาจแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น เส้นเลือด ไต หัวใจ หรืออาจจะไปถึงสมองเลยก็ว่าได้
โรคเชื้อราในปากมีอาการอย่างไร
- มีคราบขาวๆ บริเวณลิ้น และภายในช่องปาก
- ริมฝีปากแห้ง
- ลิ้นไม่รับรส
- กลืนอาหารหรือน้ำได้ลำบาก
- ปวดแสบปวดร้อนภายในช่องปาก
- พบแผลผุพอง
- ปากและลำคอมีอาการแดง
โรคเชื้อราในปากรักษาได้ยังไงบ้าง
โรคเชื้อราในปากสามารถหายเองได้ภายในระยะเวลา 7-14 วัน แต่ำหรับผู้ที่ไม่สามารถหายเองได้ แปลว่าอาจมีการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น แต่ก็สามารถรักษาได้ด้วยการทานยาต้านเชื้อรา แต่ถ้าไม่มีอาการที่ดีขึ้น ก็จำเป็นที่จะต้องทานยาต้านเชื้อราที่มีปรสิทธิภาพที่แรงขึ้น
วิธีการป้องกันโรคเชื้อราในปาก
- สำหรับเด็กทารก ป้องกันด้วยกันทำความสะอาดจุกนมและขวดนมด้วยน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อ และหากพบฝ้าขาวบริเวณลิ้น ให้ใช้ผ้าที่สะอาดเช็ดบริเวณลิ้นที่เป็นฝ้าขาว
- ทำการบ้วนปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
- แปรงฟันและแปรงลิ้น อย่างน้อย 2 ครั้งใน 1 วัน
- ใช้ไหมขัดฟันอย่างเป็นประจำ
- งดการสูบบุหรี่
- ดื่มน้ำสะอาดย่างน้อยวันละ 6 – 8 แก้ว
- เข้าตรวจสุขภาพช่องปาก
เชื้อราในปากสามารถหายเองได้ และป้องกันได้ง่ายๆ จากการดูแลกิจวัตรประจำวันทั่วไปของเราเอง ด้วยการดูแลตัวเอง ทำความสะอาดภายในช่องปาก เป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราในปากอีก