ทุกคนมักอยากให้ตัวเองดูดีทั้งรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ รวมถึงรอยยิ้มที่ยิ้มโชว์ฟันขาวๆเรียงสวยได้อย่างมั่นใจ แต่เนื่องจากอายุที่มากขึ้น รวมถึงอาหารการกิน และเครื่องดื่มต่างๆอาจทำให้ฟันเหลืองได้ ทำให้เวลาพูดคุยหรือยิ้มรู้สึกประหม่า ดังนั้นการฟอกสีฟันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการช่วยให้เรามีฟันที่ขาวสวยขึ้นได้
ฟอกสีฟันคืออะไร?
ฟอกสีฟันเป็นการทำให้ฟันขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันทาที่ผิวเคลือบฟันโดยตรง ทำให้สีในชั้นเนื้อฟันแตกตัวออก และมีสีขาวขึ้น
ฟอกสีฟันมีกี่ประเภท?
การฟอกสีฟันมีหลายประเภทด้วยกัน ทั้งจากการทำกับทันตแพทย์ในคลินิก หรือจะนำอุปกรณ์และน้ำยาฟอกสีฟันไปทำเองที่บ้านก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพฟันด้วย
- In-office Power Bleaching
การฟอกสีฟันประเภทนี้จะทำโดยทันตแพทย์ที่คลินิก โดยใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง ร่วมกับ Cool Light LED หรือเลเซอร์
- At-home Bleaching
เป็นการฟอกสีฟันที่ทำเองได้ที่บ้าน แต่ก่อนจะทำต้องไปพบทันตแพทย์ก่อนในครั้งแรกเพื่อพิมพ์ปาก ทำถาดฟอกสีฟันฟอกสีฟันเฉพาะบุคคล รับน้ำยาฟอกสีฟันและคำแนะนำในการใช้
- In-office assisted Bleaching
เป็นการฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ร่วมกับการฟอกสีฟันเองที่บ้าน การฟอกสีฟันประเภทนี้ใช้ในกรณีที่ฟันมีสีเข้มมาก โดยทันตแพทย์จะฟอกสีฟันให้ที่โรงพยาบาลก่อน จากนั้นจะมีอุปกรณ์ และน้ำยาฟอกสีฟันให้นำกลับไปทำต่อเองที่บ้าน
- Over-the-counter Bleaching
การฟอกสีฟันประเภทนี้สามารถทำได้เองที่บ้านและหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป โดยผลิตภัณฑ์จะเป็นประเภท แถบฟอกสีฟัน, ยาสีฟันช่วยให้ฟันขาว, น้ำยาบ้วนปากฟอกฟันขาว
- Internal Bleaching
การฟอกสีฟันเฉพาะซี่ที่ต้องทำโดยทันตแพทย์ เพราะเป็นการฟอกสีฟันที่เปลี่ยนสีเนื่องจากฟันตาย การฟอกสีฟันประเภทนี้จะไม่ทำให้ฟันขาวทั้งปาก แต่จะขาวเฉพาะซี่เท่านั้น
ฟอกสีฟันมีกี่แบบ?
ฟอกสีฟันที่นิยมมากในปัจจุบันนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่
- การฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น Cool light
เป็นการใช้แสง LED ฉายลงบนฟันที่ทาน้ำยาฟอกสีฟันเรียบร้อยแล้ว จากนั้นแสงจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน ให้เม็ดสีหนาทึบของฟันแตกตัว ทำให้ฟันดูขาวขึ้น
- ฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์
เป็นการใช้แสงเลเซอร์ไดโอดมากระตุ้นให้น้ำยาฟอกสีฟันแตกตัว ช่วยให้แทรกซึมเข้าไปในผิวฟันได้ดีขึ้น ทำให้ขจัดคราบและเม็ดสีบนผิวฟันได้อย่างรวดเร็ว
- การฟอกสีฟันแบบ Zoom
เป็นการใช้พลังงานแสงสีฟ้าชนิดเข้มข้น มากระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน ทำให้สารในน้ำยาฟอกสีฟันแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวฟันและกำจัดคราบ หรือเม็ดสีบนเนื้อฟันได้ดีขึ้นโดยไม่ทำลายโครงสร้างของฟัน
ฟอกสีฟันเหมาะกับใครบ้าง?
- วัยทำงานที่ต้องใช้รอยยิ้ม พูดคุย และติดต่อประสานงานกับผู้อื่น
- คนที่ชอบดื่มชา กาแฟ และแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- คนที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่จัด
- คนที่มีเนื้อฟันเหลืองจากยาปฏิชีวนะ
ฟอกสีฟันไม่เหมาะกับใครบ้าง?
- หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- คนที่มีอายุน้อยกว่า 16 ปี เพราะโพรงประสาทมีการเจริญเติบโต ทำให้การฟอกฟันมีการระคายเคือง
- คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเหงือก
- คนที่มีปัญหาเสียวฟัน ฟันผุ หรืออุดฟัน
- คนที่มีปัญหาอื่นๆในช่องปาก
ข้อดีของการฟอกสีฟัน
- ช่วยแก้ปัญหาฟันที่มีสีไม่สวย เช่น ฟันคล้ำ, ฟันสีน้ำตาล, ฟันสีเหลือง และคราบต่างๆบนฟัน
- ทำให้มีความมั่นใจในการยิ้ม และช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดีขึ้น
ข้อเสียของการฟอกสีฟัน
- มีผลข้างเคียงจากการฟอกสีฟัน เช่น เสียวฟัน, ระคายเคืองเนื้อเยื่ออ่อน แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้จะหายเองได้ ภายใน 1 – 3 วัน เมื่อไม่ได้สัมผัสกับสารฟอกสีฟัน หรือเสร็จสิ้นกระบวนการรักษาแล้ว
- ในช่วง 1 – 2 วันแรกของการฟอกสีฟัน อาจทำให้สีของอาหารติดฟันได้ง่าย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละคน
การดูแลฟันหลังฟอกสีฟัน
- หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น ชา, กาแฟ, ไวน์, น้ำอัดลม หากจะดื่มจริงๆก็ดื่มได้ แต่ต้องบ้วนปากทุกครั้งหลังดื่ม
- งดสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ทำให้เกิดคราบบนผิวฟัน หากทำความสะอาดได้ไม่ดีจะทำให้ฟันกลับมาเหลืองเร็วกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่
- แปรงฟันอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอร่วมกับใช้ไหมขัดฟัน
- เข้ารับการตรวจสุขภาพฟันกับทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน